เมนู

เทศนาของพระองค์แจ่มแจ้งนัก พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประกาศธรรมโดย
อเนกปริยาย ดุจหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางให้แก่คนหลงทาง
หรือส่องไฟในที่มืดด้วยหวังว่า คนมีจักษุจักเห็นรูป ได้ ฉันนั้น ข้าแต่
พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ขอถึงพระผู้มีพระภาคเจ้า กับทั้งพระธรรม
และภิกษุสงฆ์ว่าเป็นสรณะ ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าโปรดทรงจำข้าพระองค์
ว่าเป็นอุบาสกผู้ถึงรัตนตรัยเป็นสรณะตลอดชีวิต ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
จบ เทศนาสูตรที่ 7

อรรถกถาเทศนาสูตรที่ 7



ในเทศนาสูตรที่ 7 พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
บทว่า ชงฺคลํ แปลว่า เป็นดินแข็งไม่อ่อน. บทว่า โอสรํ เป็น
ดินมีเกลือเกิดเอง (ดินเค็ม) บทว่า ปาปภูมิ แปลว่า เป็นพื้นดินเลว.
ในบทว่า มํทีปา เป็นต้น มีวินิจฉัยว่า ภิกษุและภิกษุณีเหล่านี้ ชื่อว่า
มํทีปา เพราะพวกเธอมีเรา (ตถาคต ) เป็นที่พึ่ง เป็นที่อาศัย. ชื่อว่า
มํเลณา เพราะพวกเธอมีเราเป็นที่เร้น เป็นที่พักอยู่. ชื่อว่า มํตาณา
เพราะพวกเธอมีเราเป็นที่ช่วย เป็นที่รักษา. ชื่อว่า มํสรณา เพราะ
พวกเธอมีเราเป็นสรณะ ทำภัยให้พินาศ. บทว่า วิหรนฺติ ความว่า
ทำเราให้เป็นที่พึ่งเป็นต้นอย่างนั้นอยู่. บทว่า โคภตฺตํปิ ความว่า เพราะ
ไม่มีผลาหารคือ ข้าวเปลือก จึงเกี่ยว ( ข้าวที่หว่านในนาเลว ) มัดเป็นฟ่อนๆ
เก็บไว้ โคทั้งหลายจักได้เคี้ยวกินในฤดูร้อน (แล้ง ). บทว่า อุทกมณิโก
ได้แก่ภาชนะพิเศษที่ได้ชื่ออย่างนั้น เพราะมีสายรัดขวดคาดไว้ที่ท้อง

บทว่า อหาริอปริหาริ ความว่า ใส่น้ำไม่ได้ นำน้ำไปไม่ได้ ขังน้ำไม่ได้.
ในพระสูตรนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสการแสดงธรรมโดยเคารพ ด้วย
ประการฉะนี้. ความจริงการแสดงธรรมโดยไม่เคารพ ย่อมไม่มี
พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ด้วยว่า พระพุทธเจ้าทั้งหลายทรงมีความประพฤติ
เหมือนราชสีห์ ราชสีห์ เมื่อจับช้างพลายที่ตกมันก็ดี จับสัตว์เล็กๆ
กระต่ายและแมวเป็นต้นก็ดี ย่อมใช้ความเร็วเท่ากันทั้งนั้น ฉันใด
พระพุทธเจ้าทั้งหลายก็ฉันนั้น เมื่อทรงแสดงธรรมแก่ผู้ฟังคนเดียวก็ตาม
ทรงแสดงแก่ผู้ฟังสองคน มากคน แก่ภิกษุบริษัท ภิกษุณีบริษัท อุบาสก
บริษัทและอุบาสิกาบริษัทก็ตาม แก่พวกเดียรถีย์ก็ตาม ย่อมทรงแสดง
โดยเคารพทั้งนั้น. ทั้งบริษัท ก็มีศรัทธากำหนดใจฟัง ดังนั้นการแสดง
แก่บริษัทสี่เหล่านั้น จึงชื่อว่าแสดงโดยเคารพ.
จบ อรรถกถาเทศนาสูตรที่ 7

8. อสังขาสูตร



ว่าด้วยการฆ่าสัตว์ต้องไปอบายตกนรกเป็นต้น



[608] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ ปาวาริก-
อัมพวัน ใกล้เมืองนาฬันทา ครั้งนั้นแล นายบ้านนามว่าอสิพันธกบุตร
สาวกของนิครณถ์ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ถวายบังคม
พระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว พระผู้มี-
พระภาคเจ้าได้ตรัสว่า ดูก่อนนายคามณี นิครณฐนาฏบุตรแสดงธรรมแก่